วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กรรมของสัตว์

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากแป้นคอมพิวเตอร์
"อาจารย์ครับ" ทนายติเคาะประตูและผลัดเข้ามา "มีลูกความมาหาครับ"
"คดีอะไร"ผมถาม
"ไม่ทราบครับ"ทนายติตอบ
ผมถอนหายใจ ในช่วงปลายปี สำนักงานทนายความมักจะยุ่งเพราะศาลมักจะเร่งรัดคดี  ทนายความต้องขึ้นศาลทุกวันแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย  ทั้งยังต้องรีบเร่งเขียนอุทธรณ์ฎีกาอีกหลายเรื่อง  เวลาในช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดของทนายความ  แต่อย่างไรก็ดีมารยาททนายความก็ระบุไว้ว่า  หากลูกความมาหาแล้วทนายความปฏิเสธไม่ว่าความให้อาจผิดมารยาททนายความได้  ผมพยักหน้าพลางลุกไปที่ห้องประชุมที่ลูกความรออยู่
"มีอะไรที่จะปรึกษาหรือครับ"ผมถามลูกความที่นั่งรออยู่ในห้องประชุมพลางสังเกตเห็นว่า ลูกความเป็นชายที่อยู่ในวัยสี่สิบปี  แต่งกายอย่างชาวบ้านทั่วไป
"ผมอยากให้ทนายช่วยคดีนี้หน่อย"ลูกความตอบ พลางยื่นกระดาษปึกหนึ่งให้ผม
ผมพลิกดูกระดาษปีกนั้น แล้วพบว่า เป็นสำนวนคดีอาญาในคดีความผิดที่เกี่ยวกับป่าไม้  ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนโดยลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
"คุณเป็นจำเลยในคดีนี้หรือเปล่า"ผมถาม
"ครับ"ลูกความตอบ"ผมชื่อชนะ"
"คุณชนะครับ คดีนี้ จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้นะครับเพราะศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก ๔ ปี ๖ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน"ผมอธิบายให้นายชนะฟัง

"ผมทราบครับ"ชนะตอบ "ผมไปหาทนายความมาหลายรายแล้ว  เขาก็บอกทำนองเดียวกัน  แต่มีคนบอกว่า หัวหน้าทำได้ ผมจึงมาหาหัวหน้านี่แหละครับ"
ชาวบ้านที่นี่มักจะเรียกทนายความว่า หัวหน้า
"ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะทำได้นะครับ"ผมบอกชนะ
"ผมเชื่อมั่นว่า หัวหน้าทำได้"ชนะยืนยัน
ผมถอนหายใจ ชาวบ้านที่นี่มักจะมีความเชื่อกันแปลกๆ "เอายังงี้แล้วกัน"ผมตอบ"ทิ้งเอกสารไว้ให้ผมดูสัก ๒-๓ วัน ถ้ามีโอกาสผมจะดูให้"
"ผมเชื่อว่า หัวหน้าทำได้" ชนะยังกล่าวคำเดิมอีกก่อนที่จะลากลับไป

นายชนะกลับมาหาผมหลังจากนั้น ๒ -๓ วัน
"หัวหน้าว่าไงครับ"ชนะถาม
"ก็มีโอกาสอยู่นะ"ผมตอบและอธิบายตอ่ไปว่า "

ทนายติ

ผมเป็นทนายความคนหนึ่งในสำนักงานทนายความตัว ต.
เรื่องที่ผมได้เป็นทนายความในสำนักงานนี้ก็แปลกมาก  ผมเริ่มเข้าทำงานมาตั้งแต่

เรื่องของผม

ผมกำลังจะเป็นทนายความ